สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมาพูดถึง หัก ณ ที่จ่าย ที่หลายคนคงสงสัยว่ามันคืออะไร ทำไมเราจะต้องถูกหัก และทำไมในแต่ละครั้งถึงถูกหักไม่เท่ากัน โดยจะขอเล่าคร่าวๆ ว่า
หัก ณ ที่จ่าย
หรือ ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย คือ เงินที่คน “จ่าย” ที่จดทะเบียนเป็นบริษัทหรือนิติบุคคลต้อง “หัก” ไว้ก่อนที่จะจ่ายเงินให้กับคนรับที่เป็นนิติบุคคล หรือคนธรรมดาก็ได้ แล้วนำส่งเป็นภาษีให้สรรพากรไม่เกินวันที่ 7 ของเดือนถัดไป
ในการหัก ณ ที่จ่ายจะต้องรู้สองเรื่องคือ
- คนรับเงินคือใคร (กระทบต่อแบบที่ยื่น)
- จ่ายค่าอะไร (กระทบอัตราภาษีที่หัก)
โดยในทุกครั้งที่ทำการหักไว้ คนที่หักต้องออกหนังสือรับรองการหัก ณ ที่ จ่าย ให้กับคนที่เราหักไว้ด้วยทุกครั้ง เพื่อให้เขานำไปเป็นหลักฐานกับกรมสรรพากรว่าได้ถูกหักภาษีไว้จำนวนหนึ่งแล้ว เพื่อให้การเสียภาษีสิ้นปีมีจำนวนน้อยลงหรือไม่ต้องเสียเลย ซึ่งแต่ละประเภทค่าใช้จ่ายนั้นจะถูกหัก ณ ที่จ่ายในเปอร์เซ็นที่แตกต่างกัน ดังนี้
หัก 1 % สำหรับค่าขนส่ง
โดยบริษัทหรือนิติบุคคลที่ให้บริการจะต้องขึ้นทะเบียนเป็นผู้ให้บริการขนส่ง เช่น บริการขนส่งสินค้าจากบริษัท โลจิสติกส์ เป็นต้น
แต่! ถ้าเป็นไปรษณีย์ไม่ต้องหัก เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่ได้รับการยกเว้น
หัก 2% สำหรับค่าโฆษณา
เช่น โฆษณาผ่านทางโทรทัศน์ หรือโฆษณาผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ เป็นต้น
แต่ถ้าเป็นการจ้าง blogger รีวิวโฆษณาสินค้า จะหัก 3%
หัก 3% สำหรับจ้างรับเหมา หรือบริการต่างๆ
เช่น การจ้างช่างภาพมาถ่ายรูป การบริการซอฟแวร์ การจ้าง blogger รีวิวสินค้า ก็เข้าข่ายนี้ เพราะถือเป็นการให้บริการ
หัก 5% สำหรับค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์
เช่ารถยนต์ รวมถึงค่าจ้างนักแสดง และเงินรางวัลจากการแข่งขันหรือการชิงโชคต่างๆ ด้วย
แต่!
ถ้าเช่ารถยนต์พร้อมคนขับจะเสีย 3% เพราะถือว่าเป็นบริการขับรถ
แต่สำหรับยอดที่ไม่เกิน 1000 บาท
ทางสรรพากรมีข้อกำหนดว่าไม่ต้องทำการหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ นอกจากจะเป็นยอดที่มีมูลค่าไม่ถึง 1,000 บาท แต่มีสัญญาต่อเนื่อง เช่น ค่าบริการโทรศัพท์รายเดือน ค่าบริการอินเทอร์เน็ต เป็นต้น ต้องทำการหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้
สุดท้ายนี้
ในส่วนของส่วนเงินเดือน ค่าจ้าง หรือการจ้างทำงานให้จะหักตาม “อัตราก้าวหน้า” เหมือนกับการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โปรดติดตามต่อในครั้งต่อไป…
ที่มา https://flowaccount.com/blog/?p=1335
ทิ้งคำตอบไว้
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น